หิมะ ถล่ม ญี่ปุ่น! ปชช.สัญจรไม่ได้ เที่ยวบินยกเลิกนับร้อย

หิมะ ถล่ม ญี่ปุ่น! ปชช.สัญจรไม่ได้ เที่ยวบินยกเลิกนับร้อย

เมืองทางตะวันของประเทศ ญี่ปุ่น ต้องเจอ หิมะ ตกอย่างรุนแรง หลายพื้นที่เจอหิมะสูงหลายสิบเซนติเมตร บางที่สูงถึง 70 เซนมิเมตรเลยก็มี เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม สำนักข่าว เกียวโด รายงานว่า ทางตะวันตกของประเทศญี่ปุ่นต้องเผชิญกับหิมะที่ตกมาอย่างรุนแรง ส่งผลกระทบให้หิมะปกคลุมเป็นความสูงหลายเซนติเมตร ขัดขวางการสัญจร ซึ่งในบางพื้นที่นั้นประสบกับหิมะที่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์อีกด้วย

โดยเมือง ฮิโคเนะ ในจังหวัด ชิกะ มีหิมะสูงถึง 68 เซนติเมตร 

ขณะที่เมือง อาซาโกะ ในจังหวัดเฮียวโกะต้องเผชิญกับหิมะสูง 71 เซนติเมตร โดยจำนวนตัวเลขดังกล่าวถือเป็นจำนวนหิมะที่มีขนาดสูงที่สุด ประชาชนจำนวนมากไม่สามารถสัญจรได้ และจำเป็นต้องทิ้งยานพาหนะของพวกเขาไว้กลางถนน และทางเจ้าหน้าที่ต้องปิดเส้นทางบานจุดเป็นการชั่วคราว อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าบางเส้นทางสามารถกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง เมื่อเจ้าหน้าที่แก้ปัญหาเรื่องหิมะแล้ว

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าเที่ยวบินกว่า 100 เที่ยวบินต้องถูกยกเลิก เนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้ายอีกด้วย

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุม วัยรุ่นอินโดหัวร้อนสองคน หลังใช้มีดไล่ฟันประชาชนในมัสยิด ฉุนไม่พอใจที่ทางมัสยิด เปลี่ยนรหัส Wifi เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม เว็บไซต์ เวิลด์ออฟบัซ รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมวัยรุ่นชายสองคน ถือมีดไล่ฟัน ผู้จัดการมัสยิด ที่ประจำอยู่ที่ มัสยิด มัสจิด อัล มุสลิม ในอีสต์เมดาน จังหวัดสุมาตราเหนือ ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม ที่ผ่านมา

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายมีปากเสียงกัน เนื่องจากทางมัสยิดได้เปลี่ยนรหัส ไวไฟ สร้างความโมโหให้กับวัยรุ่นทั้งสองคน และทำให้พวกเขาคว้ามีดขึ้นมาและวิ่งไล่เจ้าของมัสยิด และประชาชนในที่เกิดเหตุ รวมสามคน โดยทั้งสองถูกควบคุมตัวได้ในเช้าวันต่อมา หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้รับรายงานจากพลเมืองดี ขณะที่เหยื่อทั้งสามคน ได้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมเอาผิดกับวัยรุ่นหัวร้อนทั้งสองแล้ว

สหประชาชาติ หรือ UN ได้ออกมาประณามเหตุ สังหารประชาชน ในประเทศ เมียนมา ด้านสื่อท้องถิ่นอ้างเป็นฝีมือกองทัพเมียนมา เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม สำนักข่าว ชาแนลนิวส์เอเชีย ได้รายงานว่า เจ้าหน้าที่องค์การสหประชาชาติ หรือ UN ได้กล่าวว่า เขารู้สึกหวาดกลัว หลังได้รับทราบรายงานว่าเจ้าหน้าที่พบ ร่างมนุษย์ถูกเผา 35 ศพ ในรัฐกะยา ประเทศเมียนมา

ในร่างผู้เสียชีวิตที่ถูกพบนั้นมีเด็กและสตรี รวมถึงคนชราถูกเผาอยู่ด้วย ซึ่งสื่อท้องถิ่นและกลุ่มสิทธิมนุษยชน ได้กล่าวหาว่ากองทัพเมียนมาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุความรุนแรงครั้งนี้ ซึ่งนอกจากผู้เสียชีวิตแล้วยังมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่กาลกุศล เซฟ เดอะ ชิลเด้น (Save The Children) สูญหายอีกสองรายอีกด้วย โดยทั้งสองถูกโจมตีและรถของพวกเขาถูกเผาบริเวณทางตะวันออกในรัฐกะยา

โดยเจ้าหน้าที่สหประชาชาติ ได้ระบุว่า เขาขอประณามเหตุความรุนแรงและการโจมตีประชาชน พร้อมเรียกร้องให้ทางการเมียนมาตรวจสอบเหตุรุนแรงครั้งนี้อย่างโปร่งใสและถี่ถ้วน ประเทศเมียนมาตกอยู่ในสภาวะวุ่นวายนับตั้งแต่ พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ก่อรัฐประหารกับรัฐบาลของนาง อองซานซูจี เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธุ์ โดยมีรายงานว่ามีประชาชนถูกสังหารโดยกองทัพเมียนมาแล้ว 1,300 ศพ และมีผู้ถูกจับกุมอีกจำนวนมาก

มหาวิทยาลัยฮ่องกง ถอด เสาแห่งความอัปยศ รูปปั้นรำลึกเหตุสังหารจัตุรัสเทียนอันเหมิน

มหาวิทยาลัยฮ่องกง แอบถอด รูปปั้นรำลึกเทียนอันเหมิน – “เสาแห่งความอัปยศ ” ไปแล้วเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (22 ธ.ค. 2564) เมื่อวันพุธที่ 22 ธันวาคม 2564 – มหาวิทยาลัยฮ่องกง (University of Hong Kong) ได้ทำการถอดถอน รูปปั้นรำลึกเทียนอันเหมิน – “แท่งศิลาแห่งความอัปยศ” (Pillar of Shame) อย่างเป็นทางการ หลังจากที่ได้รับคำสั่งให้มีการถอดถอนรูปปั้นดังกล่าวไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

“แท่งศิลาแห่งความอัปยศ” (Pillar of Shame) นั้น คือรูปปั้นที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์สังหารหมู่ ณ จตุรัสเทียนอันเหมิน ภายหลังจากมีการประท้วงบนพื้นที่ดังกล่าวโดยกลุ่มผู้นิยมประชาธิปไตย เมื่อปี 1989 โดยคาดกันว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บรวมถึงเสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าว 10,000 กว่าราย ขณะที่ทางการจีนนั้นได้รายงานว่ามีผู้เสียชีวิต 200 รายเท่านั้น ซึ่งเป็นยอดรวมจำนวนของประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปด้วย

รูปปั้นชิ้นนี้นั้นถือว่าเป็นหนึ่งในไม่กี่อนุสรสถานที่มีการตั้งเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์เรียกร้องเสรีภาพทางการเมืองที่ใหญ่ที่สุดประเทศ ที่ซึ่งในเวลานี้ได้ถูกพยายามปิดกั้น และลบเรือนออกไปจากประเทศจีน

ทางมหาวิทยาลัยนั้นได้ทำการประกาศแถลงการถึงการดำเนินการถอดถอนว่า “เป็นการตัดสินใจที่มีฐานมาจากคำแนะนำทางกฎหมาย และการประเมินความเสี่ยงที่จะมีต่อผลประโยชน์ที่ดีที่สุดของมหาวิทยาลัย” “ทางมหาวิทยาลัยยังค งมีความกังวลถึงปัญหาทางด้านความปลอดภัยที่เป็นผลมาจากรูปปั้นดังกล่าว”

อย่างที่ได้กล่าวไปว่าทางมหาวิทยาลัยได้ทำการดำเนินการถอดถอนอย่างลับ ๆ ในเวลากลางคืนของวันพุธที่ผ่านมา พร้อมทั้งได้มีการให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยปิดกั้น และสั่งห้ามไม่ให้มีใครพบเห็น หรือเข้าดูการดำเนินการดังกล่าว

การถอดรูปปั้นนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งการดำเนินการ “เปลี่ยนแปลง” เมืองฮ่องกงจากกทางรัฐบาลกลางของประเทศจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโปลิตบูโร (Politburo) ของรัฐบาล ที่ซึ่งเริ่มมีการดำเนินการปราบปรามผู้เห็นต่างภายในพื้นที่ฮ่องกงอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินการจับกุมแกนนำ, บุคคลสำคัญ หรือเป้าหมายของรัฐ ปราบปรามการชุมนุม ปิดกั้นการเข้าถึงสื่อ รวมไปถึงล่าสุดอย่างการเลือกตั้งผู้แทนประจำเมืองที่หลายคนมองว่าเป็นการซ่อนภาพการจัดตั้งผู้แทนที่มีเชิดชูรัฐบาลกลางเป็นหลัก

เครดิต : รีวิวซีรี่ย์เกาหลี | ลายสัก | รีวิวร้านอาหาร | โทรศัพท์มือถือ ราคาถูก | เรื่องย่อหนัง